วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557

ปัญหาปี ค.ศ 2000 (Y2K Problem)

      ปัญหาปี ค.ศ. 2000 บางครั้งเรียกว่า ปัญหาวายทูเค (Y2K problem) เป็นปัญหาที่เกิดกับระบบเอกสารและการบันทึกข้อมูล ทั้งในแบบดิจิตอล (เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์) และระบบอนาล็อก สืบเนื่องมาจากการบันทึกปีคริสต์ศักราชจำนวนสี่หลัก ย่อเหลือเพียงสองหลักท้าย โดยละสองหลักแรก คือ "19" และ "20" ไว้ในฐานที่เข้าใจ
      ปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่ออุปกรณ์ต่างๆ ใช้งานจนถึงหลังเที่ยงคืนของวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 1999 และเข้าสู่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2000 แต่ระบบกลับเข้าใจว่าเป็น ค.ศ. 1900 ทำให้การทำงานของระบบผิดเพี้ยน ปัญหานี้ถูกหยิบยกมากล่าวถึงเป็นครั้งแรกในหนังสือชื่อ Computers in Crisis เขียนโดย Jerome และ Marilyn Murray ในปี ค.ศ. 1984 และในเครือข่ายยูสเนต ในปี ค.ศ. 1985 สร้างความตื่นตัวในแวดวงธุรกิจ การธนาคาร การแพทย์ และการทหาร ว่าอาจทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ทำงานผิดพลาด อาจทำให้ระบบสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า โทรศัพท์ ระบบอาณัติสัญญาณ ถึงขั้นหยุดการทำงาน

ความหมายของคำว่า Y2K

      Y2K คือคำย่อของ Year 2000 ซึ่งหมายถึงปี ค.ศ. 2000 โดย Y ย่อมาจากคำว่า Year, K เป็นหน่วยในการวัดค่าต่างๆ ในระบบเมตริก มีค่าเท่ากับ 1000 2K จึงมีค่า 2x1000 เท่ากับ 2000


สาเหตุ

  • การเก็บข้อมูลปี ค.ศ. เฉพาะแค่ 2 หลักท้ายแทนที่จะเก็บเต็ม 4 หลักโดยถือว่า 2 หลักหน้าคือ 19 เสมอ เช่น ค.ศ. 1998 จะเก็บแค่เพียง 98 ดังนั้นข้อมูลในระบบจึงมีค่าอยู่ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1900-1999 เท่านั้น เมื่อถึงปี ค.ศ. 2000 คอมพิวเตอร์ยังคงถือว่า 2 หลักหน้าคือ 19 อยู่เหมือนเดิม เมื่อป้อนปีเป็น 00 ซึ่งหมายถึงปี ค.ศ. 2000 คอมพิวเตอร์ยังคงตีความว่าเป็นปี ค.ศ. 1900 เหมือนเดิม คังนั้นการคำนวณเกี่ยวกับระยะเวลา เช่น การคำนวณอายุ การคำนวณระยะเวลา การชำระหนี้และการเรียงลำดับข้อมูลจึงผิดพลาดหมด
  • การคำนวณปีอธิกสุรทิน ไม่ถูกต้องทำให้เดือนกุมภาพันธ์ปี ค.ศ. 2000 มีเพียง 28 วันเท่านั้น ทำให้การคำนวณหาวันที่ในปี (Day of Year) หลังเดือนกุมภาพันธ์ผิดพลาดหมด กฎในการคำนวณปีอธิกสุรทินที่ถูกต้องคือ
1. ปีที่หารด้วย 4 ลงตัวจะเป็นปีอธิกสุรทิน
2. ปีที่หารด้วย 100 ลงตัวจะเป็นและไม่เป็นปีอธิกสุรทิน
3. ปีที่หารด้วย 400 ลงตัวจะเป็นปีอธิกสุรทิน
หากสลับกฎข้อ 2 และกฎข้อ 3 จะทำให้การคำนวณปีอธิกสุรทินของ ปี ค.ศ. 2000 ผิดพลาด
  • ช่วงก่อนวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2000 จะเกิดปัญหา Y2K แต่มีอีกวันที่มีปัญหาคล้ายกันวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1999 เพราะวันนี้อาจจะมีการเขียนในรูปแบบตัวเลข 9/9/99 ก็จะได้ขัดแย้งกับค่าวันที่ 9999 ที่ใช้บ่อยในการระบุวันที่ทราบ มันจึงเป็นไปได้ว่าโปรแกรมฐานข้อมูลอาจจะทำหน้าที่ในระเบียนที่มีวันที่ไม่ รู้จักในวันนั้น ค่อนข้างคล้ายกับนี้คือรหัสสิ้นสุดของแฟ้ม 9999 ที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมภาษาที่มีอายุมากกว่า ในขณะที่ความกลัวเกิดขึ้นที่บางโปรแกรมไม่คาดคิดอาจยุติในวันที่ข้อผิดพลาด ก็มีแนวโน้มที่จะทำให้ระบบประมวลผลของคอมพิวเตอร์
  • การแทนวันและเวลาโดยการนับจากเวลาอ้างอิงในอดีต เช่น ระบบหาตำแหน่งด้วยดาวเทียม (GPS) จะใช้ตัวเลขขนาด 10 บิต (Bits) แทนค่าเวลาเป็นสัปดาห์ นับตั้งแต่เดือนมกราคม 1980 เป็นต้นมา ซึ่งจะแทนค่าได้ 1024 สัปดาห์ และจะ Roll Over ในวันที่ 21 สิงหาคม 1999 ระบบ Unix เก็บวันและเวลาโดยการแทนค่าวินาทีนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 1970 ด้วยตัวเลขขนาด 32 บิต ซึ่งจะ Roll Over ในปี 2038 เป็นต้น


วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Pendant mes vacances, j'ai aidé mon père à travailler. J'ai parlé avec mes amis. J'ai regardé des films. J'ai nettoyé ma maison. Je suis allée à Ang-Thong.

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ด้วงก้นกระดก

 

 ด้วงก้นกระดก


  " ด้วงก้นกระดก " ด้วงปีกสั้น หรือ ด้วงก้นงอน (Rove beetle) อันดับ Coleoptera วงศ์ Staphyinidae พบกระจายทั่วโลก กว่า 20 ชนิด สำหรับชนิดที่พบได้ในประเทศไทยมีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Paederus fuscipes Curtis. เป็นด้วงขนาดเล็กประมาณ 7 มม. ส่วนหัวมีสีดำ ปีกน้ำเงินเข้ม และส่วนท้องมีสีส้มมีความสามารถในการเคลื่อนไหว ได้รวดเร็ว และมักจะงอส่วนท้องส่ายขึ้นลงเมื่อเกาะ อยู่กับพื้น จึงมักเรียกว่า "ด้วงก้นกระดก" ด้วงชนิดนี้อาศัยบริเวณพงหญ้าที่มีความชื้น ด้วงชนิดนี้สามารถปล่อยสารที่เรียกว่า "paederin" ออกมา สารชนิดนี้มีความเป็นพิษทพลายเนื้อเยื่อ
       ด้วงชนิดนี้ชอบออกมาเล่น ไฟในยามค่ำคืน โดยเฉพาะจะมีมากในฤดูฝน ผู้ที่สัมผัสลำตัวด้วงชนิดนี้ หรือตบตีจนน้ำพิษแตก จะมีอาการปวดแสบปวดร้อน คัน ในรายที่เป็นมาก อาจมีไข้ปวดศรีษะ หากเข้าตาอาจทำให้ตาบอดได้ แผลจะมีลักษณะเป็นทางยาว อาจจะพบเป็นตุ๋มใส (vesicle) อาการเหล่านี้จะหายเองได้ภายใน 7 - 10 วัน ควรทำความสะอาดแผลและปิดปากแผลเพื่อป้องกันการติดเชื้อ อาจใช้ยาสมานแผลพวกยาแก้แพ้ได้ เบื้องต้นหลังจากทราบว่าสัมผัสด้วงชนิดนี้ควรล้างด้วยน้ำสะอาดทันที หากอาการไม่ดีขึ้นให้พบแพทย์
       ด้วงก้นกระดกมีการเจริญ เติบโตแบบสมบูรณ์ (Complete metamorphosis) โดยมีการเจริญเติบโตแบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ ไข่ ตัวอ่อน ดักแด้ และตัวเต็มวัย
       ระยะไข่ โดยปกติแล้วจะพบเห็นการวางไข่ของตัวเมียในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ในดินร่วนที่มีวัตถุเน่าเปื่อยปกคลุม ที่ใกล้แหล่งน้ำ ซึ่งห่างจากผิวน้ำเล็กน้อย ในหนึ่งวันตัวเมียจะสามารถวางไข่ได้หลายฟอง โดยจะใช้เวลาในการฟัก 2 - 5 วัน จึงจะเป็นตัวอ่อน
       ตัวอ่อน ลักษณะเป็นแบบ Compodieform ลำตัวค่อนข้างยาว (ส่วนท้องจะยาวกว่าส่วนอื่น) สามารถเห็นหัวได้ชัดเจน หนวดสั้น กรามแข้ง มีขา 6 ขา ส่วนท้องมีแพนหาง 2 เส้น ดำรงชีพด้วยการกินวัตถุเน่าเปื่อย และหนอนเล็กๆ ของแมลงที่อาศัยอยู่ในดิน ใช้เวลา 6 - 10 วัน จึงจะเข้าดักแด้
       ดักแด้ ลักษณะใกล้เคียงกับดักแด้ผีเสื้อ แต่มีขนาดเล็กกว่ามาก สามารถมองเห็นขาที่ติดข้างลำตัวได้ชัดเจน ใช้ระยะเวลา 3 - 4 วัน จึงจะเป็นตัวเต็มวัย
       ตัวเต็มวัย ลำตัวยาวแคบ ความยาวของลำตัวประมาณ 6.5 - 7.0 มิลลิเมตร ลำตัวเป็นเงามัน มีสีฉุดฉาด ส่วนหัวมีสีดำ หนวดค่อนข้างยาว มี 12 - 13 ปล้อง
       ประโยชน์ นอกจากพิษภัยที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น ด้วงก้นกระดกก็ยังมีประโยชน์ในทางการควบคุมแมลงทางการเกษตร โดยด้วงก้นกระดกจะช่วยกำจัดไข่หนอนผีเสื้อ เป็นการควบคุมการระบาดของแมลงศัตรูพืช และยังสามารถใช้ประโยชน์ทางด้านนิติเวชกีฏวิทยาได้อีกด้วย กล่าวคือด้วงก้นกระดกจะทำลายไข่และหนอนของแมลงวัน 

 อ้างอิง: http://www.ku.ac.th/e-magazine/sep50/agri/rove%20beetle.htm

วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Argentina

อาร์เจนตินา

ความเป็นมาของอาร์เจนตินา (Background)

อาร์เจนตินา เป็นประเทศที่มีความมั่งคั่งจากการส่งออกผลผลิตทางการเกษตร จนกลายเป็นประเทศมั่งคั่งที่สุด 1 ใน 10 ในยุค 1880-1929 แต่การเมืองถูกชี้นำโดยกลุ่มอนุรักษ์นิยม มีกลุ่มการเมืองสายกลางที่ก่อกำเนิดขึ้น คือ Radical Civic Union และได้รับชัยชนะการเลือกตั้งเสรีครั้งแรกในปี ค.ศ.1916 โดยมีนโยบายสนับสนุนเกษตรกรและธุรกิจรายย่อย แต่ก็ถูกโค่นล้มโดยกลุ่มอนุรักษ์นิยมซึ่งมีนโยบายแบบปกป้องเศรษฐกิจ(Protectionist policy) จนในปี ค.ศ.1946 พลเอก Juan Peron ได้ก่อตั้งกลุ่มการเมืองภายใต้ "Peronism" เพื่อสนับสนุนผู้ใช้แรงงาน และสหภาพแรงงานต่างๆ การโอนกิจการสำคัญเข้าเป็นของรัฐ และให้ความสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมและการพัฒนาเมือง(Urban development) มากกว่าการพัฒนาเกษตรกรรม

นอกจากนี้อาร์เจนตินายังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสำคัญมากที่สุดทางเศรษฐกิจ 3 อันดับแรกของอเมริกาใต้ (อันได้แก่ อาร์เจนตินา บราซิล และซิลี หรือกลุ่ม ABC) และอาร์เจนตินา ก็ยังเคยเป็นประเทศที่มีพื้นฐานทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งที่สุดด้วยอัตราแลกเปลี่ยนที่ 1 ดอร์ลาร์ 1 เปโซ ทำให้นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจตลาดนี้เป็นอย่างมาก แต่ด้วยการเติบโตแบบก้าวกระโดด และการบริหารงานด้านการเงินผิดพลาด โดยเฉพาะในเรื่องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ที่คุมสาธารณูปโภคหลักภายในประเทศ ทำเอาอาร์เจนตินา ต้องเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจที่รุนแรงที่สุด ถึงขนาดเข้าพึ่ง IMF เมื่อปลายปี 2544
ภูมิศาสตร์ (Geography)

  • ที่ตั้ง : ตอนใต้ของทวีปอเมริกาใต้ ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ ทิศเหนือติดต่อกับ โบลิเวีย ปารากวัย ทิศตะวันออกติดต่อกับบราซิลและอุรุกวัย ทิศตะวันตกและทิศ ใต้ติดต่อกับและประเทศชิลี
  • พื้นที่ : 2,766,890 ตร.กม. (พื้นดิน 2,736,690 ตร.กม. พื้นน้ำ 30,200 ตร.กม.)
  • ดินแดนอาณาเขต : รวม 9,861 กม. โดยมีพื้นที่อาณาเขตติดกับโบลิเวีย 832 กม. บราซิล 1,261 กม. ชิลี 5,308 กม. ปารากวัย 1,880 กม. อุรุกวัย 580 กม.
  • เขตชายฝั่ง : 4,989 กิโลเมตร
  • เมืองหลวง : กรุงบัวโนสไอเรส (Buenos Aires)
  • เมืองสำคัญ : Federal District, CÓrdoba, Santa Fe, Mendoza, Tucumán
  • ภูมิอากาศ : โดยทั่วไปมีอุณหภูมิแตกต่างกันระหว่างพื้นที่ภาคเหนือและใต้ของประเทศ
    ภาคเหนือ - อากาศกึ่งร้อนกึ่งอบอุ่น(ฤดูร้อน 23-37 เซลเซียส / ฤดูหนาว 5-22 เซลเซียส)
    ภาคใต้ - อากาศหนาวและฝนตก(ฤดูร้อน 10-21 เซลเซียส / ฤดูหนาว ต่ำกว่า 0 เซลเซียส)
    บริเวณใต้สุดของประเทศมีลักษณะอากาศแบบแอนตาร์กติกซึ่งเป็นน้ำแข็งตลอดทั้งปี ทั้งนี้บริเวณที่ราบแปมปัส (Pampas plains) มีอากาศอุ่นและชื้น อุณหภูมิเฉลี่ย 23 องศาเซลเซียส ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนมีนาคม และ 12 องศาเซลเซียส ตั้งแต่มิถุนายน ถึง กันยายน พอจะแบ่งเป็นฤดูกาลได้ 4 ฤดู ฤดูใบไม้ผลิ ก.พ. - มี.ค, ฤดูหนาว พ.ค. -ก.ค, ฤดูใบไม้ร่วง ส.ค. - ต.ค, ฤดูร้อน พ.ย. - ม.ค. มีช่วงแห้งแล้งในภาคตะวันออกเฉียงใต้ และกึ่งแอนตาร์กติกในภาคตะวันตกเฉียงใต้
  • ภูมิประเทศ : เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าแพมพัสในส่วนเหนือของประเทศ ที่ราบลุ่มจนถึงภูเขาสูงๆ ต่ำๆ Patagonia ในตอนใต้ และมีเทือกเขา Andes ตามแนวชายแดนฝั่งตะวันตก
  • ทรัพยากรธรรมชาติ : ทุ่งหญ้าแพมพัส ตะกั่ว สังกะสี ดีบุก ทองแดง เหล็ก แมงกานีส ปิโตรเลียม และยูเรเนียม
  • ภัยธรรมชาติ : San Miguel de Tucuman และ Mendoza ที่อยู่แถบเทือกเขาแอนดิส เป็นพื้นที่ที่เกิดแผ่นดินไหว Pamperos เป็นลมพายุที่มีความรุนแรงซึ่ง เกิดในแถบแพมพัสและภาคตะวันออกเฉียงเหนือน้ำท่วมหนัก
  • สภาพแวดล้อม(ปัญหาปัจจุบัน) : ปัญหาสิ่งแวดล้อม (ทั้งในเมืองและชนบท) เช่น ปัญหา การทำลายป่าไม้ ปัญหาดินเสื่อมโทรม ปัญหาที่ดินกลายเป็นทะเลทราย ปัญหามลภาวะทางอากาศ และปัญหามลภาวะทางน้ำ ทั้งนี้ อาร์เจนตินาเป็นประเทศผู้นำของโลกในการตั้งเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก
  • เวลา : -3 GMT (ช้ากว่าประเทศไทย 10 ชั่วโมง)

ประชากรศาสตร์ (Demography)
  • ประชากร : 40.91 ล้านคน
  • โครงสร้างอายุ : 0-14 ปี คิดเป็น 25.6% (ชาย 5,369,477/ หญิง 5,122,260)
    15-64 ปี คิดเป็น 63.5% (ชาย 12,691,725/ หญิง 13,029,265)
    65 ปี ขึ้นไป คิดเป็น 10.8% (ชาย 1,819,057/ หญิง 2,611,800) Mulatto
  • อัตราการเติบโตของประชากร : 1.053 %
  • สัญชาติ : อาร์เจนไทน์ (Argentine)
  • กลุ่มชนพื้นเมือง : 97% ผิวขาว (ส่วนใหญ่เป็นชาวสเปน และอิตาเลียน) อีก 3% Mulatto (ผสมระหว่างผิวขาวกับผิวดำ) อเมริกันอินเดียน หรือกลุ่มคนที่ไม่ใช่ผิวขาวอื่นๆ
  • ศาสนา : โรมันคาทอลิก 92% โปรเตสแตนท์ 2% ยิว 2% อื่นๆ 4%
  • ภาษา : สเปน(ภาษาราชการ) อังกฤษ อิตาเลียน เยอรมัน ฝรั่งเศส (ประมาณการปี 2552)
ธงของอาร์เจนตินา (Flag of Argentina)
ธงชาติของประเทศอาร์เจนตินาถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2355 ลักษณะเป็นธงสามแถบแนวนอน ประกอบด้วยแถบสีฟ้า-ขาว-ฟ้า ซึ่งแต่ละแถบมีความกว้างเท่ากัน รูปดวงอาทิตย์สีเหลืองกลางธง ซึ่งมีชื่อเรียกว่า Sun of May หรือ ดวงอาทิตย์แห่งเดือนพฤษภาคม (สเปน: Sol de Mayo) ได้เพิ่มเข้ามาภายหลังเมื่อ พ.ศ. 2361 ซึ่ง “Sun of May” ถือเป็นการสดุดีถึงชัยชนะของชาวอาร์เจนตินาที่ได้รับเอกราชมาจากสเปน และเชื่อว่าชัยชนะที่ได้รับนั้นมาจากพระเจ้าของพวกเขาซึ่งก็คือดวงอาทิตย์นั้นเอง ประเทศที่ใช้สัญลักษณ์ “Sun of May” บนธงชาติมีอยู่ 2 ประเทศคือ อาร์เจนตินา กับ อุรุกวัยเท่านั้น
รูปธงชาติที่มีดวงอาทิตย์จะเป็นธงชาติสำหรับพิธีการ หากธงไม่มีดวงอาทิตย์ จะถือเป็นธงชาติสำหรับประดับตกแต่ง แม้ธงทั้งสองอย่างนี้จะมีศักดิ์เป็นธงชาติเหมือนกัน แต่ธงชาติสำหรับประดับตกแต่งจะต้องชักไว้ต่ำกว่าธงชาติสำหรับพิธีการเสมอ


การเมือง (Politic)

คริสติน่า เฟอร์นันเดซ ระบบการปกครอง : เป็นแบบสาธารณรัฐประชาธิปไตย มีประธานาธิบดีเป็นประมุข คริสติน่า เฟอร์นันเดซ เดอ เคิร์ชเนอร์(Cristina Elisabet Fernández de Kirchner) เป็นประธานาธิบดีหญิงอาร์เจนตินา คนปัจจุบัน (10 ธันวาคม 2007 วาระ 4 ปี) ประธานาธิบดีมาจากการเลือกตั้ง มีวาระ 4 ปี สามารถลงสมัครเป็นสมัยที่สองได้ ประกอบด้วย ๒ สภา คือ (1) วุฒิสภา (Senate) มีสมาชิก 72 คน มาจากการเลือกตั้งจากแต่ละจังหวัดและเขตเมืองหลวงสหพันธ์ เขตละ 3 คน มีวาระ 6 ปี และ (2) สภาผู้แทนราษฎร (Chamber of Deputies) มีสมาชิก 257 คนมาจากการเลือกตั้งโดยตรง มีวาระ 4 ปี โดยมีการเลือกตั้งสมาชิกครึ่งหนึ่งทุกสองปี
การแบ่งเขตบริหาร : แบ่งเป็น 23 จังหวัด (Provinces) และ 1 เขตเมืองหลวงสหพันธ์ (Federal Capital)
วันชาติ : 25 พฤษภาคม (25 พฤษภาคม 2353 หรือ Revolution Day)
วันประกาศเอกราช : 9 กรกฎาคม 2359 (วันประกาศอิสรภาพจากสเปน)
วันสถาปนารัฐธรรมนูญ : 1 พฤษภาคม 1853 และ มีการแก้ไขหลายครั้งตั้งแต่ปี 1860
ระบบกฎหมาย : ผสมผสานระหว่างระบบกฎหมายของสหรัฐฯ และยุโรปตะวันตก

พรรคการเมืองสำคัญ ได้แก่
- พรรค Peronist (Justicialist Party) ของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน
- พรรค Radical Civic Union (UCR)
- พรรค Union of the Democratic Centre


เศรษฐกิจ (Economics)
อาร์เจนตินาเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรรายใหญ่ของโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธัญพืช ถั่วเหลือง และเนื้อวัว โดยภาคเกษตรเป็นรายได้หลักของภาคเศรษฐกิจอาร์เจนตินา คิดเป็นร้อยละ 11 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ โดยถั่วเหลืองและเมล็ดพืชน้ำมัน เป็นสินค้าส่งออกหลักคิดเป็น ร้อยละ 24 ของสินค้าส่งออก สินค้าธัญพืช เช่น ข้าวสาลี ข้าวโพด และเมล็ดทานตะวัน มีปริมาณการส่งออกร้อยละ 8 รวมทั้ง ปศุสัตว์ถือเป็นสินค้าออกที่สำคัญด้วย
อาร์เจนตินาเป็นหนึ่งในห้าประเทศผู้ส่งออกสินค้าธัญพืชรายใหญ่ของโลก หลังจากอาร์เจนตินาประสบวิกฤติเศรษฐกิจที่หนักหน่วงในช่วงปี 2544-2545 เมื่อฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ดังกล่าว อาร์เจนตินาก็มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับสูง โดยในระหว่างปี 2546-2550 อาร์เจนตินามีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) มากกว่าร้อยละ 8.5 ต่อปี ส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาสินค้าธัญพืช (Grains) มีการปรับตัวสูงขึ้นในตลาดโลก
อาร์เจนตินายังมีปริมาณแร่ธรรมชาติจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณแถบเทือกเขาแอนดิสทางด้านตะวันตกของประเทศ อย่างไรก็ตาม มีเพียง 1 ใน 5 ของประเทศที่ได้ถูกสำรวจ ปัจจุบันมีการพัฒนาการโครงการเหมืองแร่ของประเทศ นอกจากนี้ อาร์เจนตินามีปริมาณก๊าซสำรองจำนวนมาก โดยส่งออกก๊าซธรรมชาติไปยังชิลี
ในปี 2553 มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของอาร์เจนตินาจะมีการขยายตัวประมาณร้อยละ 4.2 อันเป็นผลจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ได้แก่ ปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ยังคงรุมเร้าทำให้ราคาสินค้าและความต้องการสินค้า ในตลาดโลกลดลง ประกอบการบริโภคและการลงทุนในประเทศที่ชะลอตัวลง เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองทำให้ประชาชนและนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยและลงทุน

  • ดัชนีทางเศรษฐกิจ (ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจต่างๆ)
  • ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) (ประมาณการปี 2552)
    - GDP Official Exchange Rate : 304.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ
    - GDP Real Growth Rate : -2.5 %
    - GDP per capita (PPP) : 13,800 เหรียญสหรัฐ
    - GDP by Sector : เกษตร : 6%
    - อุตสาหกรรม : 32%
    - บริการ : 62%
    - กำลังคน : จำนวน 16.54 ล้านคน (ประมาณการปี 2552)
    - สาขาเกษตร : 5%
    - สาขาอุตสาหกรรม : 23%
    - สาขาบริการ : 72%
    - อัตราการว่างงาน : 9.6% (ประมาณการปี 2552)
    - จำนวนประชากรที่ต่ำกว่าเส้นความยากจน : 13.9% (มกราคม - มิถุนายน 2552)
    - รายได้ครัวเรือนหรือการบริโภค : ต่ำสุด 10%: 1.2%
    - สูงสุด 10%: 32.6% (มกราคม – มีนาคม 2550)
    - อัตราเงินเฟ้อ : 7.7% (ประมาณการปี 2552)
    - การลงทุน (Stock of Direct Foreign Investment) : 79.54 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณการ 31ธันวาคม2552)
    - งบประมาณ : รายได้ : 84.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ
    - รายจ่าย : 86.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณการ 31ธันวาคม2552)
    - ดุลบัญชีเดินสะพัด (Current Account Balance) : 14.43 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณการปี 2552)

  • สาขาการผลิตที่สำคัญ
    - สินค้าเกษตร : เมล็ดทานตะวัน, มะนาว, ถั่วเหลือง, องุ่น, ข้าวโพด, ยาสูบ, ถั่วลิสง, ชา, ข้าวสาลี และสัตว์ปีก
    - สินค้าอุตสาหกรรม : อุตสาหกรรมอาหาร, มอเตอร์ไซค์, สินค้าอุปโภคบริโภค, สิ่งทอ, เคมีภัณฑ์และสินค้าปิโตรเคมี, สิ่งพิมพ์, โลหะ และเหล็กกล้า

  • การค้าระหว่างประเทศ
    - การส่งออก: 54.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ
    - สินค้าส่งออก: ถั่วเหลือง กากถั่วเหลือง น้ามันถั่วเหลือง ธัญพืช น้ามัน ยานยนต์ เนื้อวัว เคมีภัณฑ์
    - คู่ค้าส่งออกที่สำคัญ: บราซิล (20.6%) ชิลี (7.97%) จีน (6.6%) สหรัฐอเมริกา (6.1%) เนเธอร์แลนด์ (4.35%)
    - การนำเข้า: 38.77 พันล้านเหรียญสหรัฐ
    - สินค้านำเข้า: ยานยนต์และส่วนประกอบ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ น้ามันดิบ เคมีภัณฑ์อินทรีย์ พลาสติก
    - คู่ค้านาเข้าที่สำคัญ: บราซิล (30.5%) สหรัฐฯ (13.17%) จีน (12.44%) เยอรมนี (5.14%)

  • ข้อมูลอื่นๆ
    - เงินสำรองเงินตราต่างประเทศ : 45.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ธันวาคม 2551)
    - หนี้ (ภายนอกประเทศ) : 135.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณการธันวาคม 2551)
    - สกุลเงิน (รหัสย่อ) : Argentine Peso (ARS)
    - อัตราแลกเปลี่ยน : 1 US$ = 3.84 Argentine Peso (ประมาณการปี 2552)
    - ปีงบประมาณ : มกราคม-ธันวาคม
การคมนาคม (Transportation)
การติดต่อสื่อสารและคมนาคม : เป็นเรื่องสำคัญในประเทศใหญ่อย่างอาร์เจนตินา ในการเดินทางติดต่อกันระหว่างเมืองต่อเมือง ซึ่งโชคดีที่อาร์เจนตินามีถนนหนทางที่มีคุณภาพดี เช่นเดียวกับระบบขนส่งมวลชนสาธารณะที่ครอบคลุมทั่วถึงมีบริการดีและราคาถูก พาหนะต่างๆ ที่มี อาทิเช่น รถไฟใต้ดิน รถไฟ แท็กซี่เครื่องบิน และรถโดยสารส่วนตัว
รถใต้ดินบัวโนสไอเรส เป็นรถสายแรกๆ ของโลก(เริ่มปี 2456) และมีพัฒนาการที่น่าสนใจมาตลอด
รถในอาร์เจนตินามีราคาสูง และค่าจดทะเบียนก็สูง รวมไปถึงค่าน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ปัจจุบันคนหันมาใช้รถขนาดเล็ก แบบซิตี้คาร์มากขึ้น


วัฒนธรรม (Culture)
  • คำทักทาย : ในภาษาสเปน สวัสดียามเช้า Buenos Dias (บัวโนสไดอาส), สวัสดีตอนกลางวัน Buenas Tardes (บัวนาสตาร์ดาส), สวัสดีตอนเย็น Buenas Noches (บัวนาชนอช)
  • วิธีทักทาย : ผู้หญิงกับผู้หญิงที่เจอกันครั้งแรก จะเอาแก้มขวาชนกัน สำหรับผู้ชายกับผู้ชายที่มีการเจอกันครั้งแรก จะจับมือกัน แต่ถ้ามีการสนิทสนมกันมากขึ้นแล้ว ก็จะนำแก้มมาชนแก้มเช่นเดียวกันกับผู้หญิง หรือถ้าสนิทกันมากกว่านั้น ก็จะกอดกัน ถ้าเป็นกระเทยกับผู้ชายก็จะจับอวัยวะเพศของฝ่ายตรงข้าม
  • การอ่าน : คนอาร์เจนตินาเป็นนักอ่าน เห็นได้จากงานหนังสือที่จัดขึ้นที่บัวโนสไอเรส ทุกๆ ปีมีผู้เข้าชมงานกว่า 1.5 ล้านคน และมียอดขายสูงมาก ทำให้เห็นถึงความชื่นชอบในการอ่านและสุนทรีย์ทางวรรณกรรม
  • ศิลปะ : ภาพเขียน จิตรกรรม ดนตรี เป็นสิ่งที่บัวโนสไอเรส จัดว่าเป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดในละตินอเมริกา
  • การรับประทานอาหาร : คนอาร์เจนตินารับประทานอาหาร 4 มื้อ คือ เช้า กลางวัน น้ำชาตอนบ่าย และมื้อเย็น เครื่องดื่มสำหรับมื้อเช้าและน้ำชาคือ ชาสมุนไพร ที่เรียกว่า Mate นอกนั้นคือ ชา กาแฟ ที่จะรับประทานกับขนมปัง และของหวานต่างๆ มื้อกลางวันและเย็นจะเป็นมื้อสำคัญของวัน พาสตาและซอสมะเขือเทศและเนื้อย่าง (Churasco) จะเป็นอาหารหลัก ผู้หญิงที่ทำงานนอกบ้านซึ่งจะระวังเรื่องการรับประทานอาหาร มื้อกลางวันอาจมีแค่สลัดหรือโยเกิร์ต เครื่องดื่มจะเป็นน้ำ โซดา หรือน้ำอัดลมแบบไม่มีน้ำตาล อาหารที่ได้รับความนิยมสูงคือ Granola Bars (ขนมปังแท่งเคลือบธัญพืช) เป็นอาหารสุขภาพของผู้หญิงที่ทำงานนอกบ้าน ซึ่งทำให้อิ่มและมีแคลอรี่พอเพียงสำหรับ 1 มื้อ
    ปั๊มน้ำมันปัจจุบันจะมีการพัฒนาร้านสะดวกซื้อให้มีขนาดใหญ่และสามารถดึงดูดลูกค้าด้วยอาหารง่ายๆเช่น แฮมเบอร์เกอร์ แซนด์วิช สลัด ซึ่งสะดวกสำหรับชีวิตที่เร่งรีบ และบางแห่งกลายเป็นที่กินอาหารกลางวันของคนทำงานในเมืองใหญ่
  • หอศิลปะและพิพิธภัณฑ์ : เป็นสถานที่ที่คนอาร์เจนตินาชื่นชอบ และพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อ ได้แก่ Fine Arts Museum พิพิธภัณฑ์ภาพเขียนนอกจากนี้ก็มีโรงละคร Colon Theatre ซึ่งได้รับยกย่องว่าเป็นโรงละครโอเปรามีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลก
  • เทศกาลสำคัญ : National Folklore Festival Cosquin เทศกาลดนตรีและเต้นรำของประเทศจัดขึ้นที่ Prospero Molina เมือง Cosquin แคว้น Cordoba ช่วงครึ่งหลังเดือนมกราคมของทุกปี และการเฉลิมฉลองที่เรียกว่า Tango day วันแทงโก้ ในเดือนธันวาคม และ Carlos Gardel รู้จักในชื่อ “El Zorzal Criollo” เป็นตัวแทนนักร้อง Tango
  • เต้นรำแทงโก้ : ถือเป็นวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของอาร์เจนตินา Tango Dance เป็นมนต์เสน่ห์แห่งวัฒนธรรมดนตรีและการเต้นรำจังหวะอันร้อนแรงเย้ายวนของหนุ่มสาวที่เต็มไปด้วยความอารมณ์ความรู้สึก ทั้งจังหวะดนตรีและรูปแบบการเต้นรำที่กำเนิดในอาร์เจนตินาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 โดยผสมผสานอิทธิพลของคิวบา สเปน และแอฟริกันเข้าด้วยกัน นอกจากทำให้คู่เต้นแนบชิดดูเซ็กซี่ โรแมนติกและเปี่ยมด้วยอารมณ์แล้ว ยังเป็นกิจกรรมทางสังคมที่ดี มีประโยชน์กับร่างกาย จังหวะที่นิยมเต้นกันมาก คือ วอล์ค (Tango Walk), โพรเกรสซีฟ ไซด์ สเต็ป(Progressive Side Step) และโพรเกรสซีพ ลิงค์ (Progressive Link) เป็นต้น
พฤติกรรมชาวอาร์เจนตินา (Behavior or Argentinean)
พฤติกรรมต่างๆ ของชาวอาร์เจนตินา สามารถบ่งบอกถึงวิถีชีวิต ความเป็น วัฒนธรรม และรสนิยมของพวกเขาได้มากมาย สำหรับพฤติกรรมที่น่าสนใจของชาวอาร์เจนตินาที่มีอยู่คือ
  • มากกว่าครึ่งของประชากรอาร์เจนตินาอายุต่ำกว่า 30 ปี การเจาะตลาดในอาร์เจนตินา จึงมีกลุ่มเป้าหมายอยู่ที่วัยรุ่น เพราะสามารถสร้าง Brand Loyalty
  • ผู้ชายจะเป็นผู้ทำงานมากกว่าผู้หญิงแต่แนวโน้มผู้หญิงทำงานนอกบ้านจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ
  • ผู้ชายในอาร์เจนตินายังเป็นผู้นำในสังคม ผู้ชายจะไม่ซื้อกับข้าว ของใช้ในครัวเรือน แต่จะซื้อเนื้อและไวน์ตามรสนิยมความชอบ และซื้อของที่มีความคงทนเช่น รถยนต์ เครื่องไฟฟ้า และของตกแต่งบ้าน
  • ผู้หญิงในอาร์เจนตินาจะอายุยืนกว่า จะอาศัยอยู่เพียงลำพังเมื่อสามีจากไป และลูกๆ แยกออกไปมีครอบครัว แม้ว่าคนกลุ่มนี้จะไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของสินค้าหลายชนิด แต่ก็จะมีชมรมผู้สูงอายุชอบจับกลุ่มสังสรรค์ด้วยการกินน้ำชา ซื้อของและไปดูหนัง
  • แนวโน้มผู้หญิง จะมีอิสระมากขึ้น และมีรายได้เป็นของตนเอง
  • ผู้หญิงในกรุงบัวโนสไอเรส ต้องการจะศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยเพื่อออกทำงาน และมีหน้าที่การงานดีๆ รายได้สูงๆ มากกว่าการมีลูก แต่ในต่างจังหวัดอัตราการเติบโตของเด็กก็ยังเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับกลุ่มของผู้มีรายได้น้อย ที่ไม่สนใจการคุมกำเนิดและจะมีลูกในวัย 14-28 ขณะที่หญิงที่ทำงานจะเริ่มมีลูกระหว่างวัย 30-40 ปี
  • พ่อ-แม่ ชาวอาร์เจนตินา จะให้การดูแลเอาใจใส่ลูกๆ เป็นอย่างดี และปัจจุบันจะมีลูกน้อยลง แต่จะใช้จ่ายไปกับลูกมากขึ้น โดยคนอาร์เจนตินานิยมเลี้ยงลูกเอง แม้ว่าจะต้องทำงาน สถานรับเลี้ยงเด็กไม่เป็นที่นิยม เช่นประเทศอื่นๆ เพราะปู่ ย่า ตา ยาย จะช่วยดูแลหลานให้แทนถ้าแม่ต้องทำงาน
  • เด็กทุกๆ ระดับชั้นจะได้รับอิทธิพลของโฆษณาสินค้าในโทรทัศน์ ตัวการ์ตูนจากหนังที่โด่งดัง ดารา หรือฟุตบอลดังๆ จะถูกนำมาผลิตเป็นของใช้ตั้งแต่กระเป๋านักเรียนไปถึงขนมหวาน
  • เดิมร้านขายสินค้าเด็กจะมีมากในเมืองหลวง แต่ระยะหลังกลายเป็นมุมหนึ่งในห้างค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาเก็ต เพื่อให้คนในครอบครัวสามารถประหยัดเวลาได้
  • วัยรุ่นเป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายเงินทองมาก เนื่องจากแฟชั่นทั้งในโรงเรียนและละครทางโทรทัศน์ ผู้ชายจะสนใจฟุตบอล ผู้หญิงจะสนใจแฟชั่น นักร้อง และเครื่องสำอาง ทั้งนี้วัยรุ่นอาร์เจนตินาจะแต่งตัวกันโดดเด่นกว่าประเทศอื่นๆ ในละติน
  • โทรศัพท์มือถือ เป็นแฟชั่นที่วัยรุ่นอยากจะมีอยากจะได้ นอกจากนี้พ่อ-แม่ก็อยากให้ลูกมีประจำตัวเพื่อจะได้เช็คสถานที่อยู่และเรื่องความปลอดภัย
  • แม้ว่าทางกฎหมายแล้ว ประเทศอาร์เจนตินาจะห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ซื้อและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ก็สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป วัยรุ่นจะนิยมดื่มเบียร์กันในการเข้าสังคมทั่วไป
  • คนวัยทำงาน จะเป็นวัยที่ชอบแต่งตัว และมักเป็นลูกค้าหลักของเครื่องสำอาง น้ำหอม เครื่องสำอางแบบขายตรง น้ำยาหลังโกนหนวดก็ได้รับความนิยมมาก
  • ปัญหาหลักของประเทศคือการเลี้ยงดูคนวัยเกษียณ เพราะเมื่อเร็วๆ นี้ ประกันสังคมเพิ่งจะได้รับการแปรรูปให้ออกจากระบบราชการ และอีกหลายปีกว่าที่จะสามารถจัดการเบิกเงินออกมาให้คนกลุ่มนี้ได้
  • สังคมครอบครัวเป็นครอบครัวที่เหนียวแน่น อยู่รวมกันจนกว่าลูกๆ จะเริ่มทำงานมีรายได้ และแยกไปอยู่ข้างนอก ปกติพ่อคือคนที่ทำงานเป็นหลัก ขณะที่แม่จะอยู่บ้านดูแลลูกหรือทำงานพิเศษบ้าง ตามแต่วัยของลูก
  • คนสูงอายุและคนที่อยู่ตามลำพังมักจะมีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อน และมักจะมีค่าใช้จ่ายที่สูง เพราะต้องจ้างคนจูงเดิน ข้าวของเครื่องใช้ที่มีราคาสูง ตั้งแต่ปลอกคอ สายจูง ไปจนถึงแชมพูบำรุงขน อาหาร และอื่นๆ
  • กลุ่มคนวัยทำงานจะใช้จ่ายทางด้านบริการมากกว่าซื้อสินค้า และเป็นวัยที่ชอบออกงานปาร์ตี้
  • ครอบครัวฐานะดีๆ เลือกซื้อบ้านอยู่ในย่านชานเมืองที่มีบริเวณและไม่พลุกพล่านนัก ส่วนคอนโดมีเนียมหรูๆ กลางกรุงบัวโนสไอเรส มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัญหาในเรื่องความปลอดภัยทำให้อาคารชุดเหล่านี้ได้รับความสนใจอย่างมาก
  • คนอาร์เจนตินามีการใช้จ่ายในเรื่องสุขภาพและความงามค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในเรื่องเครื่องสำอางและของใช้ในห้องน้ำ คนอาร์เจนตินาเป็นคนรักสวย รักงาม จึงมีธุรกิจศัลยกรรมพลาสติกค่อนข้างแพร่หลายทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ทำให้ร้านเสริมสวยกลายเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมและทำได้สูง
  • สิ่งบันเทิงที่ได้รับความนิยม คือ หนังสือ เพราะคนอาร์เจนตินาเป็นนักอ่าน และชอบซื้อหนังสือให้เป็นของขวัญในโอกาสต่างๆ การเช่าภาพยนตร์ก็เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาก เช่นเดียวกับเกมส์คอมพิวเตอร์
  • เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ โทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์กลายเป็นที่ต้องการของคนรุ่นใหม่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
  • คนส่วนใหญ่จะเป็นสมาชิกยิม หรือสปอร์ตคลับ กีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงสุด รองลงมาคือ บาสเก็ตบอล และเทนนิส
ตราสินค้าในอาร์เจนตินา (Brand in Argentinean)
- แบรนด์สินค้า
- แบรนด์บุคคล

อ้างอิง (Reference)
- http://www.ryt9.com/s/expd/590331
- http://th.wikipedia.org/wiki/%
- http://www.chicbiscuit.com/2009/09/travel-argentina-guide/
- http://internationalschool.eduzones.com/topic.php?id=12006
- http://www.argentinaemb-bkk.com/html/economic_th.htm
- http://ethaitrade.com/2008/export-watch/argentina-export-business-watch/
- http://mapsof.net/argentina/static-maps/png/argentina-flag-map
- http://www.mfa.go.th/web/2390.php?id=15
- http://www.oknation.net/blog/print.php?id=11096
- http://www.mfa.go.th/fealac/thai_latin_america_focus_detail.php?section=2&id=52
- http://www.en.argentina.ar/_en/culture/C341-the-national-folklore-festival.php
- http://users.elite.net/runner/jennifers/thankyou.htm
-http://interad-argentina.blogspot.com/2010/06/background.html

วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2557

ประเทศ ตูวาลู

ประเทศ ตูวาลู

ตูวาลู (ตูวาลูและอังกฤษTuvalu) หรือเดิมเป็นที่รู้จักกันในชื่อ หมู่เกาะเอลลิซ (อังกฤษ:Ellice Islands) เป็นประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก ชื่อประเทศแปลว่า "แปดยืนยง" (Eight Standing Together) ในภาษาตูวาลู นอกจากนครรัฐวาติกันแล้ว ตูวาลูเป็นประเทศอิสระที่มีประชากรน้อยที่สุดในโลก[ต้องการอ้างอิง] เนื่องจากมีความสูงต่ำ (สูงสุดคือ 5 เมตร) เกาะที่ประกอบเป็นประเทศนี้ อาจจะเกิดปัญหาถ้าระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ในช่วงหลายทศวรรษข้างหน้า ประชากรอาจจะอพยพไปที่ประเทศนิวซีแลนด์หรือเกาะนีอูเอซึ่งเป็นเกาะเล็ก ๆ ที่เป็นปกครองตนเองแต่ขึ้นกับนิวซีแลนด์ที่ไม่มีปัญหาจากการเพิ่มของระดับน้ำทะเล แต่มีประชากรน้อยลง

ข้อมูลทั่วไป

ที่ตั้ง อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลียประมาณ 4,000 กิโลเมตร อยู่กึ่งกลางระหว่างออสเตรเลียกับเกาะฮาวายพื้นที่26 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยเกาะขนาดเล็ก 9 เกาะ มีเขตเศรษฐกิจจำเพาะ 757,500 ตารางกิโลเมตร
เมืองหลวง กรุงฟูนะฟูตี (Funafuti)
ภูมิประเทศ หมู่เกาะล้อมรอบด้วยแนวหินปะการังและแนวหินโสโครกที่กว้างใหญ่
ภูมิอากาศ เขตร้อนแถบทะเลเส้นศูนย์สูตร

เชื้อชาติ 
-โพลินีเซีย (Polynesian) ร้อยละ 96
-ไมโครนีเซีย (Micronesian) ร้อยละ 4
ศาสนา คริสต์
ภาษา อังกฤษ ตูวาลวน (Tuvaluan) และภาษาพื้นเมืองกิลเบิร์ท
หน่วยเงินตรา ดอลลาร์ออสเตรเลีย
วันชาติ 1 ตุลาคม 2521 (ค.ศ. 1978) ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักร
อุตสาหกรรม ประมง ท่องเที่ยว มะพร้าวแห้ง
สินค้าส่งออก มะพร้าวแห้ง สินค้าหัตถกรรม
ตลาดส่งออก สหรัฐอเมริกา อิตาลี
สินค้านำเข้า อาหาร เครื่องจักรและอุปกรณ์ สินค้าอุตสาหกรรม น้ำมัน
ตลาดนำเข้า ฟิจิ ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย เยอรมนี
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ตูวาลูมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ ออสเตรเลีย และฟิจิ รวมทั้งได้ลงนาม Treaty of Friendship กับสหรัฐฯ ในปี 2522 (ค.ศ. 1979) นอกจากนี้ ตูวาลูยังเป็นประเทศหนึ่งในแปซิฟิกใต้ที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน โดยสถานเอกอัครราชทูตไต้หวันเป็นสำนักงานผู้แทนการทูตเพียงแห่งเดียวในตูวาลู โดยไต้หวันได้ให้ความช่วยเหลือแก่ตูวาลูเป็นจำนวนมาก
ตูวาลูเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ และมีคณะผู้แทนประจำสหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก รวมทั้งมีสำนักงานผู้แทนทางการทูตที่กรุงซูวา ประเทศฟิจิ
ความสัมพันธ์กับไทย
ไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับตูวาลูเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2548 การค้าระหว่างไทยกับ ตูวาลูอยู่ในอัตราที่ไม่สูงมาก ในปี 2547 มีมูลค่าประมาณ 2 แสนดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยเป็นผู้ส่งออกทั้งหมด สินค้าที่ไทยส่งออกไปตูวาลู คือ ผ้าผืน และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป

ประวัติศาสตร์
ชาวสเปนเป็นพวกแรกที่เข้ามาพบหมู่เกาะแห่งนี้ ในระหว่างการเดินทางเพื่อค้นหาดินแดนแห่งใหม่ทางตอนใต้ แต่ก็ไม่ให้ความสนใจเท่าใด ต่อมามีชาวอังกฤษเดินเรือเข้ามาพบและได้ตั้งชื่อว่า หมู่เกาะเอลลิซ ตามชื่อของนักการเมืองอังกฤษที่เป็นเจ้าของเรือ ต่อมากลายเป็นชื่อเรียกหมู่เกาะ
ใน พ.ศ. 2435 หมู่เกาะเอลลิซกลายเป็นดินแดนในอารักขาของอังกฤษ หลังจากนั้นก็ถูกรวมเข้ากับหมู่เกาะกิลเบิร์ต (ปัจจุบันคือคิริบาส) เป็นอาณานิคมของอังกฤษ กองทัพสหรัฐอเมริกาเข้ายึดครองหมู่เกาะเอลลิซในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเพื่อเป็นที่มั่นสำหรับต่อต้านทหารญี่ปุ่นที่ยึดครองหมู่เกาะกิลเบิร์ต หลังสงครามเกิดความตึงเครียดระหว่างประชากรของหมู่เกาะกิลเบิร์ตกับประชากรของหมู่เกาะเอลลิซ หมู่เกาะเอลลิซจึงได้แยกตัวออกมา และเป็นประเทศเอกราชในเครือจักรภพอังกฤษเมื่อ พ.ศ. 2521
                                                                                                                                                              ภาพชาวตูวาลู วาดโดย Alfred Agate เมื่อ ค.ศ. 1841

ที่ตั้ง

อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลียประมาณ 4,000 กิโลเมตร อยู่กึ่งกลางระหว่างออสเตรเลียกับเกาะฮาวายพื้นที่26 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยเกาะขนาดเล็ก 9 เกาะ มีเขตเศรษฐกิจจำเพาะ 757,500 ตารางกิโลเมตร

เศรษฐกิจ

สหประชาชาติจัดให้ตูวาลูอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุด เนื่องจากประเทศมีขนาดเล็กทรัพยากรธรรมชาติไม่อุดมสมบูรณ์ และมีข้อจำกัดในการพัฒนาทางเศรษฐกิจ นอกจากนั้น ตูวาลูยังประสบปัญหาภัยธรรมชาติบ่อยครั้ง ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและประมงเพื่อการยังชีพ และสองในสามของการ จ้างงานในประเทศคือการจ้างงานของภาครัฐ รายได้หลักของประเทศมาจากการให้สัมปทานทำประมง เงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากสหราชอาณาจักร ประเทศนิวซีแลนด์ และประเทศออสเตรเลีย และรายได้จากแรงงานที่ไปทำงานในต่างประเทศ นอกจากนี้ ตูวาลูยังมีรายได้จากกองทุนตูวาลู และการให้เช่าอินเทอร์เน็ตโดเมนเนม

ประชากร

ประเทศตูวาลูมีประชากร 10,441 คน (พ.ศ. 2548) ประเทศตูวาลูมีประชากรหนาแน่นพอๆกันกับประเทศนาอูรู แต่มีประชากรน้อยกว่าประเทศนาอูรู
ประเทศตูวาลูจะมี นกกีวี อยู่เป็นจำนวนมาก และมีพืชพันธ์ไม่ป่า เขตร้อนอยู่

การแบ่งเขตการปกครอง

ตูวาลูแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 9 เกาะและหมู่เกาะ มีอยู่ 5 แห่งที่เป็นอะทอลล์หรือเกาะปะการัง (atoll) โดยเขตการปกครองท้องถิ่นที่ประกอบด้วยเกาะหนึ่งเกาะ ได้แก่
ส่วนเขตการปกครองท้องถิ่นที่ประกอบด้วยเกาะมากกว่าหนึ่งเกาะ ได้แก่
  • นานูมากา (Nanumaga)
  • นีอูลากีตา (Niulakita)
  • นีอูตาโอ (Niutao)                                                                                                                                                                                                                                                                                           
เฟอร์ดินานด์ มาเจลลัน (อังกฤษFerdinand Magellan), ฟีร์เนา ดี มากาลไยช์(โปรตุเกสFernão de Magalhães) หรือ เฟร์นันโด เด มากายาเนส (สเปนFernando de Magallanes) เป็นนักเดินเรือชาวโปรตุเกส มีชีวิตอยู่ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถและสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 แห่งกรุงศรีอยุธยา เขาเกิดที่เมืองซาบรอซา ทางภาคเหนือของประเทศโปรตุเกส หลังจากรับราชการทหารที่อินเดียตะวันออกและโมร็อกโก มาเจลลันได้เสนอตัวทำงานให้กับพระเจ้าชาลส์ที่ 1 แห่งสเปนเพื่อค้นหาเส้นทางเดินเรือทางทิศตะวันตกสู่ "หมู่เกาะเครื่องเทศ" (หมู่เกาะโมลุกกะในประเทศอินโดนีเซียในปัจจุบัน) เขาจึงได้รับสัญชาติสเปนด้วย
มาเจลลันได้เดินเรือออกจากเมืองเซบียาในปี พ.ศ. 2062 การเดินทางในช่วง พ.ศ. 2062-2065ของเขาเป็นการเดินเรือจากมหาสมุทรแอตแลนติกเข้าสู่มหาสมุทรที่มาเจลลันตั้งชื่อว่า "แปซิฟิก" เป็นครั้งแรก และยังเป็นการเดินทางรอบโลกครั้งแรกอีกด้วย แต่ตัวมาเจลลันเองไม่ได้เป็นผู้นำการเดินเรือรอบโลกตลอดเส้นทาง เนื่องจากถูกชนพื้นเมืองฆ่าตายที่เกาะมักตันในหมู่เกาะฟิลิปปินส์เสียก่อน (อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มาเจลลันเคยเดินทางจากยุโรปไปทางตะวันออกสู่คาบสมุทรมลายูมาแล้ว จึงเป็นนักสำรวจคนแรก ๆ ที่เดินทางข้ามเส้นเมอริเดียนเกือบทุกเส้นบนโลก) จากลูกเรือ 237 คนที่ออกเดินทางไปกับเรือ 5 ลำ มีเพียง 18 คนที่สามารถเดินเรือรอบโลกได้สำเร็จและกลับไปสเปนได้ในปี พ.ศ. 2065[1][2] นำโดยควน เซบัสเตียน เอลกาโน นักเดินเรือชาวบาสก์ซึ่งทำหน้าที่บัญชาการเดินเรือแทนมาเจลลัน ส่วนลูกเรือลำอื่น ๆ อีก 16 คนมาถึงสเปนในภายหลัง โดย 12 คนในจำนวนนี้ถูกโปรตุเกสคุมตัวที่หมู่เกาะเคปเวิร์ดระหว่าง พ.ศ. 2068-2070 และอีก 4 คนเป็นผู้รอดชีวิตจากเรือตรีนีดัดที่เดินทางไปด้วย แต่เรือแตกในหมู่เกาะโมลุกกะ
ชื่อของมาเจลลันยังถูกนำไปตั้งเป็นชื่อของ "เพนกวินมาเจลลัน" ซึ่งเชื่อกันว่าเขาเป็นชาวยุโรปคนแรกที่ค้นพบ,[3] "เมฆมาเจลลัน" ซึ่งเขาสังเกตเห็นระหว่างการเดินเรือ ปัจจุบันเป็นที่ทราบกันแล้วว่าที่จริงเมฆนี้เป็นกลุ่มดาราจักรแคระใกล้กับดาราจักรทางช้างเผือก, "ช่องแคบมาเจลลัน" เส้นทางที่มาเจลลันใช้เดินเรือเข้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิก และ "ยานมาเจลลัน" ยานสำรวจที่องค์การนาซาส่งไปสำรวจดาวศุกร์ในช่วงปี พ.ศ. 2533-2534
เฟอร์ดินานด์ มาเจลลัน
Hernando de Magallanes del museo Madrid.jpg
เกิดฟีร์เนา ดี มากาลไยส์
พ.ศ. 2023
ซาบรอซาโปรตุเกส
เสียชีวิต27 เมษายน พ.ศ. 2064 (อายุ 40-41 ปี)
เกาะมักตันฟิลิปปินส์
สัญชาติโปรตุเกสสเปน
รู้จักในสถานะเป็นผู้นำการเดินเรือรอบโลกครั้งแรก
Magellan Signature.svg