ด้วงก้นกระดก
" ด้วงก้นกระดก " ด้วงปีกสั้น หรือ ด้วงก้นงอน (Rove beetle) อันดับ Coleoptera วงศ์ Staphyinidae พบกระจายทั่วโลก กว่า 20 ชนิด สำหรับชนิดที่พบได้ในประเทศไทยมีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Paederus fuscipes Curtis. เป็นด้วงขนาดเล็กประมาณ 7 มม. ส่วนหัวมีสีดำ ปีกน้ำเงินเข้ม และส่วนท้องมีสีส้มมีความสามารถในการเคลื่อนไหว ได้รวดเร็ว และมักจะงอส่วนท้องส่ายขึ้นลงเมื่อเกาะ อยู่กับพื้น จึงมักเรียกว่า "ด้วงก้นกระดก" ด้วงชนิดนี้อาศัยบริเวณพงหญ้าที่มีความชื้น ด้วงชนิดนี้สามารถปล่อยสารที่เรียกว่า "paederin" ออกมา สารชนิดนี้มีความเป็นพิษทพลายเนื้อเยื่อ
ด้วงชนิดนี้ชอบออกมาเล่น
ไฟในยามค่ำคืน โดยเฉพาะจะมีมากในฤดูฝน ผู้ที่สัมผัสลำตัวด้วงชนิดนี้
หรือตบตีจนน้ำพิษแตก จะมีอาการปวดแสบปวดร้อน คัน ในรายที่เป็นมาก
อาจมีไข้ปวดศรีษะ หากเข้าตาอาจทำให้ตาบอดได้ แผลจะมีลักษณะเป็นทางยาว
อาจจะพบเป็นตุ๋มใส (vesicle) อาการเหล่านี้จะหายเองได้ภายใน 7 - 10 วัน
ควรทำความสะอาดแผลและปิดปากแผลเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
อาจใช้ยาสมานแผลพวกยาแก้แพ้ได้
เบื้องต้นหลังจากทราบว่าสัมผัสด้วงชนิดนี้ควรล้างด้วยน้ำสะอาดทันที
หากอาการไม่ดีขึ้นให้พบแพทย์
ด้วงก้นกระดกมีการเจริญ
เติบโตแบบสมบูรณ์ (Complete metamorphosis) โดยมีการเจริญเติบโตแบ่งออกเป็น
4 ระยะ คือ ไข่ ตัวอ่อน ดักแด้ และตัวเต็มวัย
ระยะไข่
โดยปกติแล้วจะพบเห็นการวางไข่ของตัวเมียในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น
ในดินร่วนที่มีวัตถุเน่าเปื่อยปกคลุม ที่ใกล้แหล่งน้ำ
ซึ่งห่างจากผิวน้ำเล็กน้อย ในหนึ่งวันตัวเมียจะสามารถวางไข่ได้หลายฟอง
โดยจะใช้เวลาในการฟัก 2 - 5 วัน จึงจะเป็นตัวอ่อน
ตัวอ่อน ลักษณะเป็นแบบ
Compodieform ลำตัวค่อนข้างยาว (ส่วนท้องจะยาวกว่าส่วนอื่น)
สามารถเห็นหัวได้ชัดเจน หนวดสั้น กรามแข้ง มีขา 6 ขา ส่วนท้องมีแพนหาง 2
เส้น ดำรงชีพด้วยการกินวัตถุเน่าเปื่อย และหนอนเล็กๆ
ของแมลงที่อาศัยอยู่ในดิน ใช้เวลา 6 - 10 วัน จึงจะเข้าดักแด้
ดักแด้
ลักษณะใกล้เคียงกับดักแด้ผีเสื้อ แต่มีขนาดเล็กกว่ามาก
สามารถมองเห็นขาที่ติดข้างลำตัวได้ชัดเจน ใช้ระยะเวลา 3 - 4 วัน
จึงจะเป็นตัวเต็มวัย
ตัวเต็มวัย ลำตัวยาวแคบ
ความยาวของลำตัวประมาณ 6.5 - 7.0 มิลลิเมตร ลำตัวเป็นเงามัน มีสีฉุดฉาด
ส่วนหัวมีสีดำ หนวดค่อนข้างยาว มี 12 - 13 ปล้อง
ประโยชน์
นอกจากพิษภัยที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น
ด้วงก้นกระดกก็ยังมีประโยชน์ในทางการควบคุมแมลงทางการเกษตร
โดยด้วงก้นกระดกจะช่วยกำจัดไข่หนอนผีเสื้อ
เป็นการควบคุมการระบาดของแมลงศัตรูพืช
และยังสามารถใช้ประโยชน์ทางด้านนิติเวชกีฏวิทยาได้อีกด้วย
กล่าวคือด้วงก้นกระดกจะทำลายไข่และหนอนของแมลงวัน
อ้างอิง: http://www.ku.ac.th/e-magazine/sep50/agri/rove%20beetle.htm